วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อย่ามองข้าม 'อาหารเช้า' มื้อสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี


เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังคุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเช้ากันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังติดนิสัยชอบงดอาหารมื้อแรกของวันอยู่เป็นประจำ วันนี้ลองหันมาทบทวนกันสักนิดดีกว่าว่างานศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าไว้ อย่างไรบ้าง เผื่อจะได้ กลับมาคิดใหม่ว่าต้องเปลี่ยนนิสัยกันเสียที จากข้อมูลของศูนย์การแพทย์รัทแลนด์ เรจินัล เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในเวอร์มอนต์ ที่สหรัฐฯ สรุปได้ว่าอาหารเช้านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถช่วยให้เราจัดการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย ได้ยินอย่างนี้แล้วพวกที่อยากควบคุมน้ำหนักต้องหูผึ่งแน่
ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า

• อาหารเช้ามีส่วนเชื่อมโยงทำให้มวลกายต่ำ (หรือน้ำหนักลด) ลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบ เทียบกับคนที่งดอาหารเช้า

• อาหารเช้าช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนลงพุงและภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง

• อาหารเช้ายังเป็นหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมการลดน้ำหนักได้ ในระยะยาว

• สำหรับเด็กวัยเรียน อาหารเช้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าทำ ให้ได้ เกรดดีและมีพฤติกรรมที่ดี
เห็นมั้ยล่ะว่าอาหารเช้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง แล้วยังจะทิ้งอาหารเช้ากันลงคออีกหรือ.

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ผิวเปลือกส้ม" หรือ "เซลลูไลท์" แก้ไขได้...



ปรากฏการณ์เซลลูไลท์คืออะไร?
ปรากฏการณ์เซลลูไลท์ หรือลักษณะของผิวหนังที่ขรุขระคล้ายผิวเปลือกส้ม เกิดจากสาเหตุสำคัญคือ เซลล์ไขมันที่สะสมตัวเป็นก้อนอยู่ บริเวณใต้ชั้นหนังแท้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดปกติ จนทำให้ผนังหุ้มเซลล์เกิดการบิดเบี้ยวเพราะถูกดึงรั้งอยู่ใต้ผิวหนัง และเกิดเป็นรอย
ตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวของเปลือกส้มที่อาจมองเห็นได้ชัดเจนจากผิวหนังชั้นนอก การสะสมตัวอย่างผิดปกติของเซลล์ไขมันนี้ยังทำให้เกิด ปัญหาในระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้โลหิตและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ช้า เป็นเหตุให้ระบบแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ระหว่างเซลล์เสียสมดุล ทำ ให้โครงสร้างเนื้อเยื่อของเซลล์ใต้ผิวหนังเสื่อมสภาพและเสียความยืดหยุ่นไปอย่างรวดเร็ว ระบบการกำจัดของเสียบกพร่อง และเกิดการ สะสมของเซลล์ไขมันและน้ำในเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้น

วิทยาการเพื่อช่วยลดเซลลูไลท์
แม้จะมีผู้พยายามคิดค้นวิธีขจัดเซลลูไลท์มาแล้วหลายรูปแบบในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการลดน้ำหนัก หรือแม้แต่รีดออก ด้วยเครื่องไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ว่าทำแล้วได้ผล... เมื่อ 20 ปีก่อน วงการเสริมสวยเริ่มรู้จักและให้คำจำกัดความเซลลูไลท์ว่าคือของเสียหรือสารพิษที่จับตัวอยู่ในเซลล์ไขมัน หากวงการแพทย์ กลับบอกว่าเซลลูไลท์คือไขมันของผู้หญิงที่กลายมาเป็นเหตุของโรค สิ่งที่แน่นอนเกี่ยวกับเซลลูไลท์คือ มันเชื่อมโยงกับฮอร์โมนเพศหญิง จะ ปรากฏหรือกำเริบขึ้นด้วยแรงขับของฮอร์โมนที่มากกว่าปกติ เช่น ฮอร์โทนในวัยรุ่น ขณะตั้งครรภ์ หรือเมื่อใช้ยาบางชนิด ผู้หญิงจะมีเซล ลูไลท์เพราะเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงกระตุ้นร่างกายให้เก็บไขมันสำรองบริเวณขาอ่อน สะโพก ในเวลาที่มีเด็กอยู่ในท้อง หรือกำลัง ให้นมบุตร เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือแม่ของเด็กขาดสารอาหาร
เซลลูไลท์ประกอบด้วยอะไรบ้าง
นักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ไขมันที่ได้จากผู้หญิง 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีเซลลูไลท์และกลุ่มที่ไม่มี พบว่าไม่มีความแตกต่างกันเลย แต่ถ้าเป็นเช่น นั้นจริง ทำไมเซลลูไลท์จึงไม่ดูเรียบเหมือนไขมันที่เรามีอยู่ใต้ผิว ในทรวงอก และใบหน้า? ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าบางทีอาจเป็นไปได้ว่าเพราะไขมันและเซลลูไลท์มีวิธีการเก็บที่ต่างกัน ปกติไขมันจะมีแถบเนื้อเยื่อหลาย ๆ แถบยึดจับไว้ ทำให้ถูกแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยปริยาย เมื่อไขมันเพิ่มขึ้น ๆ แถบเนื้อเยื่อจะตึงเพราะต้องพยายามรัดดึงไขมันจำนวนมากจนโป่งนูนขึ้น แต่ว่าใน แต่ละห้องไม่ได้มีเฉพาะไขมันบรรจุอยู่เท่านั้น ถ้าการหมุนเวียนโลหิตไม่ดี อาหารการกิน สภาพแวดล้อมเลวร้าย และมีความเครียด เหล่านี้ ทำให้ผนังเซลล์เต็มไปด้วยของเสียที่เป็นพิษสะสมอยู่ ของเหลวส่วนเกินไม่สามารถถ่ายเทออกมาได้ ลักษณะที่กล่าวมานี้เอง ส่งผลให้ไขมัน
จับตัวกันเป็นก้อนนูน ทำให้พื้นผิวไม่เรียบ
วิธีขจัดเซลลูไลท์
ไม่ว่าคุณจะโทษว่าเซลลูไลท์เกิดจากของเสียหรือเชื่อมั่นว่ามันเป็นเพียงไขมันธรรมดาก็ตาม ความเป็นจริงก็คือ ผู้หญิงกว่า 80% มีไขมัน
สะสมอยู่ที่สะโพกและขาอ่อน และเราเรียกมันว่า "เซลลูไลท์" ฉะนั้นมาดูวิธีกำจัดเซลลูไลท์กันดีกว่า
เครื่องมือละลายไขมัน
ร้านเสริมสวยหรือคลีนิคจะทำการรักษาด้วยเครื่องไฟฟ้า โดยวางเครื่องลงบนบริเวณที่มีเซลลูไลท์ แล้วเพิ่มแรงกดหรือเขย่าลงบนเซลลูไลท์ เพื่อสลายเซลล์ไขมัน
: - ร้านเสริมสวยหลายร้านบอกว่า เครื่องมือสามารถช่วยให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ผล และยังย้ำอีกด้วยว่าเซลลูไลท์จะกลับมาอีกแน่
นอนถ้าขาดการออกกำลังกายและรับประทานอาหารอย่างขาดหลักเกณฑ์
ฝังเข็ม
ผู้เชื่ยวชาญจะฝังเข็มที่ปราศจากเชื้อโรคลงบนบริเวณเซลลูไลท์ ประมาณ 3-5 มิลลิเมตรใต้ผิวหนัง เข็มเหล่านี้จะเชื่อมกับขั้วไฟฟ้าซึ่งจะส่ง
ถ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเซลล์ไขมันและแพร่กระจายของเหลว
: - หลังการรักษา ประมาณ 80% พบว่าขาเรียวขึ้น แต่การรักษาแบบนี้ต้องแน่ใจในเรื่องความสะอาดของเข็ม และจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้หญิง ที่มีเซลลูไลท์จำนวนไม่มากนัก และถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารให้ถูกวิธีและได้สัดส่วนที่เหมาะสม ไขมันก็จะกลับมาอีก
พันต้นขา
พันต้นขาหรือก้น ด้วยพลาสติกให้แน่น เพิ่มความร้อนเข้าสู่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้เหงื่อออก และลดปริมาณเซลลูไลท์ได้หลายเซนติเมตร
: - วิธีนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย เซลลูไลท์ไม่สามารถไหลออกมาเป็นเหงื่อได้ หลายเซนติเมตรที่สูญเสียไปไม่ใช่เซลลูไลท์ แต่เป็นของเหลว (น้ำ)
การรักษาแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลและไม่ได้ประโยชน์อะไร เมื่อดื่มน้ำตามปกติต้นขาของคุณก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม ที่สำคัญเราไม่ควรงดดื่มน้ำ เด็ดขาดเพราะจะมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณตามมามากมาย
การขัดผิว
ขัดผิวด้วยแปรงหรือใยขัดผิวระหว่างอาบน้ำ จะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตและช่วยปรับปรุงบริเวณที่เป็นเซลลูไลท์ให้ดูดียิ่งขึ้น ผู้ เชี่ยวชาญด้านความงามบอกว่าการขัดผิวในลักษณะเคลื่อนที่เป็นวงกลมช่วยได้ (ขัดติดต่อกัน 5 นาที สัปดาห์ละครั้ง จะดีกว่าการขัดในเวลา สั้น ๆ หลาย ๆ ครั้ง) นอกจากนี้ควรใช้เจลอาบน้ำหรือสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำมันด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
: - ศัลยแพทย์ด้านความงามกล่าวว่า การหมุนเวียนโลหิตไม่ดีจะทำให้เลือดสะสมอยู่ที่ต้นขาและสะโพก และส่งผลให้ไขมันในบริเวณดัง กล่าวโป่งออกมาได้ วิธีแก้คือควรจะทำตัวให้กระฉับกระเฉง หลีกเลี่ยงการกระทำที่จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตช้าลง เช่น การสวมเสื้อ ผ้าที่คับมาก และใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ๆ
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเบา ๆ เป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ จะช่วยปรับปรุงบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเซลลูไลท์ได้ การออกกำลังดังกล่าว ได้แก่ การ
เดินออกกำลัง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ครั้งละ 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ต่อ 1 สัปดาห์
: - วิธีนี้ใช้เวลาอยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าจะใช้วิธีนี้ต้องใจเย็น ๆ

เซลลูไลท์ครีมและโลชั่น
ใช้ครีมหรือโลชั่นทาผิว คล้าย ๆ กับการบำรุงผิวทั่ว ๆ ไป แต่ให้ผลในเรื่องการสลายเซลลูไลท์ โดยไม่ต้องตบหรือตีลงบนผิว
: - ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้รับการทดสอบแล้วว่า สามารถทำให้เซลลูไลท์ดูเบาบางลงได้ และช่วยปรับปรุงสภาพผิวด้วย วิธีนี้ง่าย สามารถทำ เองได้ที่บ้าน และประหยัดกว่าไปทำที่ร้าน
สถานเสริมความงามบางแห่ง คลีนิคและหนังสือหลายเล่ม แนะนำให้ต่อสู้กับเซลลูไลท์ด้วยการอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักและการสะสมของ เสียในเซลล์ แต่ถ้าใครแนะนำให้คุณลดน้ำหนักแบบกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตแต่น้อยก็อย่าใส่ใจ เพราะการลดน้ำหนักแบบนี้จะลดได้ เร็วก็จริง แต่ที่คุณสูญเสียไปส่วนใหญ่คือของเหลว และในไม่ช้าน้ำหนักตัวของคุณก็จะกลับมาอีก นอกจากนี้การลดน้ำหนักแบบนี้ในระยะ ยาวจะทำให้การเผาผลาญช้าลงและลดน้ำหนักตัวได้ยาก อาหารที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักและเซลลูไลท์ได้อย่างถาวรก็คือ อาหารที่ให้ธาตุ
อาหารครบทั้ง 5 หมู่อย่างสมดุลนั่นเอง...

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"หลับลึก" ฟื้นฟูจิตใจ ร่างกายและผิวพรรณ


ทราบหรือไม่ว่าคนเรามักจะใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการนอนที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ จากรายงานเรื่องการนอนหลับของ Pfizer พบว่า กว่าร้อยละ 50 ของชาวอเมริกันวัยทำงาน เผชิญกับปัญหาเรื่องการนอนหลับ

แบรนด์เครื่องสำอางชั้นสูง "ออริจินส์" สร้างประสบการณ์การนอนหลับอย่างสมบูรณ์แบบ ดึง 2 ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา Dr. Andrew Weil และ Dr. Rubin Naiman คิดค้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจคนหลับยาก จัดเวิร์กช็อปเพื่อสุขภาพกายและผิวดีๆ พร้อมให้คำแนะนำถึงการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ทีมผู้เชี่ยวชาญ ออริจินส์ ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ว่า วงจรการนอนหลับแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วงหลัก คือ Non Rapid Eye Movement หรือ Non REM และ Rapid Eye Movement หรือ REM Sleep โดยทั้ง 2 ช่วงนี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปเรื่อยๆ เป็น cycle จึงเป็นที่มาของ Sleep Cycle ซึ่งแต่ละ sleep cycle จะยาวประมาณ 90 นาที ซึ่ง Sleep Cycle เริ่มต้นจากช่วง Non REM Sleep ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 50-55 นาที

ช่วงงัวเงีย เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย มีอาการเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นเป็นช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบลึก ช่วงนี้ดวงตาจะเริ่มกลอกไปมา ถ้ามีเสียงรบกวนแม้แต่นิดเดียวก็จะสะดุ้งตื่นทันที การดำเนินชีวิตประจำวันของคนสมัยนี้ มักจะนอนหลับอยู่ในขั้นนี้ซึ่งถือเป็นการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขั้นสุดท้าย ช่วงหลับลึก เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มหลับสนิท การเคลื่อนไหวจะน้อยลงแล้วจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ REM Sleep ซึ่งจะเป็นช่วงที่ร่างกายทำการฟื้นฟู ซ่อมแซมอวัยวะต่างๆ และปรับสมดุลผิวให้สวยสมบูรณ์แบบ เพราะประโยชน์สูงสุดที่เกิดกับผิวพรรณคือ ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กล้ามเนื้อ และผิวสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้รับการบำรุง ดูแลตามกระบวนการธรรมชาติ เนื่องจากในช่วง REM Sleep เป็นช่วงเวลาที่มีการบำรุงสมอง โดยสมองจะทำงานเก็บกักความทรงจำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งคืนความสดชื่นแจ่มใสให้แก่ร่างกาย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเพื่อรับมือกับวันใหม่

ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลอีกว่า "การอดนอน ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ยังส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพ แก่กว่าวัยอันควร เพราะเมื่อร่างกายเข้าสู่ช่วงที่คุณหลับลึก ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อฟื้นฟูและคงความสมดุลให้ร่างกาย หากร่างกายพักผ่อนน้อย โกรทฮอร์โมนก็จะหลั่งน้อย ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพและไม่แข็งแรง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะมีปัญหาการนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติของร่างกายและจิตใจ เช่น อาการหวาดระแวง เกรี้ยวกราด โรคซึมเศร้า เป็นต้น"

โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอนหลับสบายในอุณหภูมิที่กำลังดีไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีง่ายๆ 2 วิธีว่า การแช่น้ำอุ่นที่ผสม Bedtime Bath Oil น้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆ ประมาณ 30-45 นาที ก่อนเข้านอนทุกครั้ง จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความผ่อนคลาย เพราะอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับให้คุณหลับสนิทได้ยาวนาน และหลับลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เพิ่มอานุภาพการนอนหลับสำหรับคนหลับยาก

ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ แนะนำให้ใช้ Bedtime Balm บาล์มเนื้อเข้มข้น โดยการแตะเนื้อบาล์มด้วยปลายนิ้ว แล้วคลึงวนด้วยปลายนิ้วทั้งสองข้าง สูดดมความหอมที่ให้คุณเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์แห่งความง่วงเหงาหาวนอนของกลิ่น จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้า-ออกให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าความเครียดต่างๆ นวดคลึงปลายนิ้วลงบริเวณฐานจุดเชื่อมต่อระหว่างต้นคอ และศีรษะ จุด Wind Mansion Point โดยหมุนวนเข้า 3 ครั้ง ต่อด้วยหมุนวนออก 3 ครั้ง จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือไล่ลงมาจากบริเวณ Wind Mansion Point ตามแนวต้นคอ และเคลื่อนมือออกมาบริเวณไหล่ทั้ง 2 ข้าง นวดคลึงปลายนิ้วหมุนวนเข้า 3 ครั้ง และหมุนวนออกอีก 3 ครั้ง ที่บริเวณจุด Heavenly Rejuvenation Point ซึ่งอยู่ต่ำกว่าช่วงบนสุดของหัวไหล่เพียงเล็กน้อย แล้วเคลื่อนมือมาที่บริเวณข้อมือด้านในบริเวณ Spirit Gate โดยใช้นิ้วก้อยค่อยๆ นวดคลึงหมุนวนเข้า 3 รอบ และออกอีก 3 รอบ ขั้นตอนสุดท้ายหมุนวนเนื้อบาล์มบริเวณตรงกลางฝ่าเท้าในลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ จนกระทั่งเนื้อบาล์มซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังโดยสมบูรณ์

เริ่มต้นการนอนแบบใหม่เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และผิวพรรณที่ดีของคุณได้แล้วตั้งแต่วันนี้

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีอร่อยได้แบบไม่อ้วน


"อ้วน" กำลังจะกลายเป็นคำหยาบที่ไม่มีใครอยากได้ยิน ใครๆ ต่างพากันหาวิธีรักษาสุขภาพให้ไม่อ้วน หรือตกอยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน กันยกใหญ่
สูตรลดความอ้วนหลายหลากถูกนำเสนอกันขึ้นมา ล่าสุด จากการวิเคราะห์ผลการสำรวจภาวะโภชนาการแห่งชาติ โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าร้อยละ 63.4 ของพลังงานที่คนไทยบริโภคในแต่ละวันนั้น มาจากข้าวและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช บวกกับพลังงานร้อยละ 2.1 ได้มาจากน้ำตาลทราย แล้วยังมีพลังงานส่วนน้อยที่มาจากคาร์โบไฮเดรตในเครื่องดื่ม (1.4%) และผลไม้ (1.1 %)
แสดงว่า พลังงานคาร์โบไฮเดรตที่คนไทยบริโภคแต่ละวัน คิดเป็นร้อยละ 60 กว่านั้น ทำให้คนวัยทำงานเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ดังนั้นจึงควรจะลดสารอาหารคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวันลง
รศ.ดร.ปรียา ลีฬหกุล อาจารย์ นักโภชนาการจากสำนักงานวิจัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่าคนไทยสามารถหลีกหนีโรคอ้วนโดยยังอร่อยได้อร่อยดีอยู่ ไม่ขัดกับชีวิตประจำวันและยังมีความสุขกับการกินได้ โดยให้คำนึงถึงหลักว่า
"น้ำหนักคนเราอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ เมื่อพลังงานที่ได้รับจากอาหารสมดุลกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน" รศ.ปรียา กล่าว พร้อมทั้งอธิบายว่า การที่พลังงานสมดุลไม่เหลือสะสมในรูปไขมัน ก็ไม่ต้องกังวลกับตัวเลขว่าต้องกินวันละกี่กิโลแคลอรี ขอเพียงชั่งน้ำหนักทุกวัน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงว่าได้พลังงานพอไม่มากหรือน้อยไปดังนั้น การกินน้ำตาลบ้าง ร่วมกับอาหารไขมันต่ำ จะทำให้อาหารนั้นยังอร่อยอยู่ และง่ายต่อการปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ จากงานวิจัยที่ได้ศึกษาพบว่าการกินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล จะให้ความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ดี ในขณะที่การกินอาหารพลังงานสูงๆ โดยเฉพาะจากไขมัน รวมทั้งการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมาก จะเป็นสองปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วนจัดว่าเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งในการลดน้ำหนัก แบบไม่ทำร้ายจิตใจ

ที่มา http://variety.teenee.com/foodforbrain/12368.html

งานวิจัยล่าสุด ผู้หญิงไทย เอวหาย

ใครที่เอวขยาย สะโพกผายกว่าเดิม คงไม่ต้องตกใจกันแล้ว เพราะคุณไม่ได้เป็นแค่คนเดียว จากการเก็บข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้ร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชน สร้าง "Size Thai" ขนาดไซส์ต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานของรูปร่างคนไทยโดยเฉพาะ พบว่า
รอบอก รอบเอว รอบสะโพก ของผู้ชายและผู้หญิงไทย ขยายใหญ่ขึ้น โดยเฉลี่ย

ผู้หญิงไทย* สูงขึ้น 5 เซนติเมตร* น้ำหนักเพิ่มขึ้น 5.4 กิโลกรัม รอบอกเพิ่มขึ้น 2.2 นิ้ว* รอบเอวเพิ่มขึ้น 3.7 นิ้ว และรอบสะโพกเพิ่มขึ้น 2 นิ้ว
ผู้ชายไทย* สูงขึ้น 7.2 เซนจิเมตร* น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 11.4 กิโลกรัม รอบอกเพิ่มขึ้น 5.4 นิ้ว* รอบอกเพิ่มขึ้น 4 นิ้ว และรอบสะโพกเพิ่มขึ้น 3.4 นิ้ว อ้วนลงพุงแบบนี้ต้องระวัง!!

ยิ่งอ้วนยิ่งพุงขยาย ถ้าเมื่อไหร่เริ่มมีแนวโน้มจะเป็นเอวแบบสามคนโอบ สัญญาณที่บอกได้ว่า คุณต้องเริ่มระวังตัวแล้ว คือ สัดส่วนของรอบเอวต่อสะโพก (Waist to Hip Rate Ratio : WHR) ที่สามารถหาได้ ค่านี้ได้จากวัดรอบเอวและรอบสะโพกแล้วนำมาคิดสูตรดังนี้


** ผู้หญิงเราควรมีค่า WHR ไม่เกิน 0.8 ** ขณะที่ฝ่ายชาย ไม่ควรเกิน 0.95 เพราะถ้ามีค่านี้มากเกินกว่าค่าเฉลี่ยนั้น แสดงว่าคุณได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือดมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นควรสังเกตรอบพุงตัวเองให้ดีดี
ขอบคุณข้อมูลจาก CLEO

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย




ทราบหรือไม่ว่า การออกกำลังนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายอีก วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...
- ผิวจะดูดีขึ้น การออกกำลังมีผลในแง่บวกหลายอย่างต่อผิว ช่วยเติมสีสันให้พวงแก้ม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นจากการไหลเวียนของโลหิตที่ดีขึ้น และยังทำให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันความหย่อนยานหรือริ้วรอยได้ด้วย
- ขนาดร่างกายจะสมส่วน การออกกำลังเป็นประจำจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกิน และลดน้ำหนักได้ จะค่อย ๆ มีขนาดร่างกายที่เหมาะสมกับส่วนสูง และโครงสร้างร่างกาย จะทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และก็จะดูดีขึ้นตามไปด้วย
- เส้นผมจะแข็งแรงกว่าเดิม การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้มีการสูบฉีดโลหิตไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะด้วย รากผมจะได้รับอาหารจากเลือดที่เต็มไปด้วยออกซิเจน และช่วยกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำลายเส้นผม - ดวงตาจะแจ่มใสขึ้น เป็นผลของการไหลเวียนโลหิตที่ดี จะทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และแจ่มใส นอกจากนี้ การใช้สายตาจับจ้องไปข้างหน้าตลอดเวลาของการออกกำลัง ทำให้ได้มีการออกกำลังกล้ามเนื้อดวงตา ที่ทำให้แข็งแรงขึ้น
-กล้ามเนื้อจะดูดีขึ้น การออกกำลังแต่ละอย่างจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ทำให้ดูเพรียวขึ้น เสื้อผ้าจะเข้ากับรูปร่างได้อย่างสวยงาม และก็จะดูฟิตมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คราวนี้มาดูกันดีว่า กรุ๊ปเลือดอะไรควรและไม่ควรรับประทานอะไรบ้าง

กรุ๊ป O ถือว่า เป็นเลือดกรุ๊ปแรกของมนุษย์เราเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกของโลกที่ดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป O จะมีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง สามารถย่อยโปรตีนได้ง่าย แต่มักมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานไม่ดีนัก ดังนั้น อาหารที่เลือกรับประทาน ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมาก โดยเฉพาะเนื้อหมู ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้น การรับประทานเพื่อบำรุงจึงขาดกันไม่ได้ ควรเลือกรับประทาน ผักใบเขียวเพื่อได้รับวิตามินเค จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น นอกจากผักใบเขียวแล้ว คนกรุ๊ปเลือดนี้ ควรรับประทาน มะเขือเทศ แครอท และน้ำผลไม้รวม เพื่อเพิ่มเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา และควรออกกำลังกายที่ใช้พลังงานมาก เช่น การแอโรบิค ว่ายน้ำ จะทำให้ช่วยคุมน้ำหนักให้คงที่ได้เป็นอย่างดี
กรุ๊ป A กลุ่มเลือดนี้เกิดขึ้นในช่วงหมดยุคสมัยแห่งการล่าสัตว์ มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งและรู้จักการเพราะปลูกพืชเพื่อเป็นอาหารแทนเนื้อสัตว์ ดังนั้น คนกรุ๊ปเลือดนี้จึงเหมาะกับอาหารประเภทข้าว แป้ง และผัก ผลไม้เป็นที่สุด
ข้อควรจำ คือคนเลือดกรุ๊ป A จะอ่อนไหวต่อโรคมะเร็งมากกว่า หมู่อื่นๆ ควรลดหรือละเว้น นม เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A เอง และเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ คนกรุ๊ปเลือดนี้ จึงไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปที่มีสารไนไตรท์มาก อาหารที่ควรเลือกรับประทานได้แก่ อาหารทะเล ผักต่างๆและธัญพืช เช่น ซีเรียลโฮลวีท ที่มีใยอาหาร ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร วิตามินบี เพื่อช่วยการทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง
ข้อควรระวังสำหรับคนกรุ๊ปเลือดนี้ คือความเครียด การออกกำลังกาย ที่ใช้พลังงานมาก กลับยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงควรฝึกโยคะ นั่งสมาธิ ตีกอลฟ์ หรือเต้นระบำเพื่อรักษาสมดุลตามธรรมชาติ
กรุ๊ป B พวกที่อยู่ในกลุ่มเลือดกรุ๊ป B ถือว่าเป็นเลือดที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ เป็นช่วงที่มนุษย์เริ่มทำการเกษตรเป็นแล้ว ก็เริ่มนำสัตว์มาเลี้ยงและรับประทานเนื้อ ดังนั้น คนกรุ๊ปเลือดนี้ จึงรับประทานได้หลากหลาย ทั้งเนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีไปเสียหมด เพราะจุดอ่อนอยู่ตรงที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ดังนั้ นจึงควรเสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ข้าวกล้อง นมและผลิตภัณฑ์จากนม อย่างการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ ทำจากนม สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าท้องไส้จะปั่นป่วน หรือท้องเฟ้อเรอเหม็น เปรี้ยว อย่างคนกรุ๊ปเลือด A
ส่วนการออกกำลังกาย สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอโรบิค ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรือแม้แต่โยคะ
กรุ๊ป AB
มาถึงเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์เรา พบว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1,000 กว่านี้เอง จะมี 2 ลักษณะในตัว คือเป็นได้ทั้ง แบบกรุ๊ป A และกรุ๊ป B จึงสามารถรับประทานได้ทั้ง 2 กรุ๊ปเลือดตามใจชอบ
แต่ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก และเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ จึงทำให้ย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ไม่ค่อยดีนัก มักจะมีกรดเกิดขึ้นมาก ในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ อาจสังเกตได้ง่ายๆ ถ้ามีอาการผิดปกติ คือ จะเรอบ่อย
อาหารที่ควรรับประทาน เช่น อาหารทะเล ผักสด เต้าหู้ ผลไม้จำพวกส้มโอ องุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต เนื่องจากจะช่วยในการย่อย กระเพราะอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป และควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อขับไล่ของเสียในร่างกายที่มีมากกว่าคนกรุ๊ปอื่น ซึ่งเป็นเพราะความซับซ้อนทางด้านชีวเคมี ส่วนการออกกำลังกาย เลือกที่ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ อย่างเช่น โยคะ ยิงธนู เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมพิจารณาก่อนส่งอาหารจานอร่อยเข้าปาก และดำเนินชีวิตให้เกิดสมดุลตามธรรมชาติ เพราะปัญหาสุขภาพเรื้อรัง บางชนิด ไม่อาจรักษาให้หายขาดด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเสียใหม่ ...

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ไม่จริง!!! 'กินมื้อดึกแล้วจะ อ้วน

คุณๆทั้งหลายที่กลัวว่ากินอะไรในตอนดึกแล้วจะทำให้เราอ้วนกว่ากินช่วงเวลาอื่น บีบีซีนิวส์ – คุณๆทั้งหลายที่กลัวว่ากินอะไรในตอนดึกแล้วจะทำให้เราอ้วนกว่ากินช่วงเวลาอื่นอาจดีใจเพราะ ผลการศึกษาล่าสุดในสหรัฐฯค้นพบ แม้จะกินข้าวดึกแค่ไหนก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่จะเพิ่มขึ้นเลยจากการรายงานในการประชุม Society for Neuroscience ที่นิวออลีนส์ ของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอเรกอน เฮลธ์ แอนด์ ซายส์ ในสหรัฐอเมริกาซึ่งได้ทำการทดลองกับลิงเพศเมีย 47 ตัว ระบุว่า คำกล่าวอ้างที่ว่าการกินในตอนดึกจะทำให้น้ำหนักเพิ่มนั้นอาจเป็นแค่เพียงแค่ความเชื่อของคนเมืองที่ไม่สมเหตุสมผลนัก
ดร. จูดี้ คาเมรอน และเพื่อนร่วมงาน ค้นพบเรื่องดังกล่าวโดยบังเอิญ จริงๆแล้วพวกเขาต้องการจะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์โมนเพศหญิงกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในส่วนหนึ่งของการศึกษา พวกเขาได้ผ่าตัดเอามดลูกของลิง 19 ตัวจาก 47 ตัวออก ซึ่งลิงตัวที่ถูกผ่าตัดเอามดลูกออกนั้นจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศหญิง นั่นก็คือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ลดลง เหมือนกันช่วงของวัยหมดประจำเดือน และพบว่า ลิงทั้ง 19 ตัวนั้นจะเริ่มกินเยอะขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยดร. คาเมรอน กล่าวว่า "การขาดฮอร์โมนสองตัวนี้ทำให้ลิง 67% กินอาหารเพิ่มขึ้น และอีก 5%มีน้ำหนักตัวมากขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์" นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้พบด้วยว่าระดับของฮอร์โมนเลปติน เพิ่มขึ้นในลิงเหล่านี้ ซึ่งเลปตินสร้างขึ้นจากเซลล์ไขมัน และมีผลต่อการกินผลการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าผู้หญิงหลายคนเริ่มมีน้ำหนักตัวมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการค้นพบของพวกเขาจะนำไปสู่การรักษาเพื่อต่อสู้กับปัญหาโรคอ้วนช่วงเวลากับมื้ออาหารในระหว่างการศึกษา นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าในแต่ละวันนั้นลิงกินอาหารในช่วงเวลาที่ต่างกันไป ส่วนใหญ่จะกินในตอนเย็นและกลางคืน แต่พวกเขาก็ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างเวลาที่ลิงกินอาหารกับน้ำหนักของพวกมันที่เพิ่มมากขึ้น อ้วนไม่อ้วนมันอยู่ที่ "แคลอรี " ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรามักจะได้รับการบอกเล่าว่าควรหลีกเลี่ยงมื้อดึก เพราะมันจะทำให้เราน้ำหนักมากขึ้น" ดร. คาเมรอนกล่าว "อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีการศึกษาที่จะสนับสนุนความเชื่อพื้นๆนี้ ซึ่งมันอาจเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าๆต่อๆกันมาก็ได้" และว่า "ในการศึกษาเรื่องนี้ เราได้บันทึกเวลาที่ลิงกินอาหาร ลิงบางตัวกินช่วงเย็นและช่วงกลางคืน แต่ช่วงเวลาที่กินกับน้ำหนักก็ไม่ได้เกี่ยวพันกันเลย"ทั้งนี้ นายไนเจล เดนบี้ จากสมาคมโภชนาการของอังกฤษก็ได้ออกมาสนับสนุนการค้นพบดังกล่าว โดยชี้ว่าจุดสำคัญที่สุดอยู่แคลอรี ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตามที่กินอาหาร หากแคลอรีมากก็ทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ เขากล่าวว่า "จริงๆแล้วร่างกายของคุณไม่ได้สนใจหรอกว่าจะกินเวลาไหน มันเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น ผมคิดว่าเมื่อเราย้อนกลับไปตอนที่คนเริ่มสนใจเกี่ยวกับการกิน ก็จะพบว่าเรามักจะกินพวกขนมขบเคี้ยวที่เต็มไปด้วยไขมันในตอนกลางคืนขณะที่เราดูทีวี ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้เราหลีกเลี่ยงที่พฤติกรรมดังกล่าว พวกเขาก็เลยตั้งกฎขึ้นมาว่าเราควรกินเมื่อใด" ไนเจล ยังแนะอีกว่า "จริงๆแล้วถ้าเราจำเป็นที่จะกินหลัง 6 โมงเย็น หรือ 2 ทุ่ม มันน่าจะดีกว่าถ้าเราจะนั่งลงและกินอาหารเป็นมื้อๆไปเลย ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสี่ยงกับการสวาปามอาหารอ้วนๆก็เป็นได้"

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ต้านความอ้วน ด้วยสารในผัก ผลไม้




นักวิทย์จากไต้หวันเผยผัก ผลไม้ช่วยลดความอ้วนได้เนื่องจากมีสารประกอบที่เรียกว่าเฟลโวนอยด์และสารประกอบฟีนอลิก (phenolic acids)Gow-Chin Yen และ Chin-Lin Hsu แสดงให้เห็นว่าสารประกอบที่ว่านี้มีอยู่เป็นจำนวนมากในผัก ผลไม้ นัทและพืชที่ใช้ทำเป็นเครื่องดื่มจำพวก กาแฟ ชาและไวน์ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารเฟลโวนอยด์ และ phenolic acids มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคอ้วน และความผิดปกติทั้งหลาย อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานแน่ชัดระบุว่าเหตุใดสารประกอบเหล่านี้จึงช่วยลดเซลล์ไขมันได้สารเฟลโวนอยด์และ phenolic acids ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่งครับ อนุมูลอิสระเป็นต้นเหตุแห่งความชรา โรคอ้วน โรคหัวใจ ภูมิแพ้ มะเร็ง ฯลฯ ยังเป็นโชคดีของมนุษย์ที่อาหารในธรรมชาติ เช่น พืช ผักผลไม้ ที่เรารับประทานกันอยู่ในปัจจุบันมี “พฤกษเคมี” ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแดนท์ เช่น พวกวิตามิน เกลือแร่ สารเฟลโวนอยด์ ฯลฯ ที่ร่างกายต้องการ แม้ในปริมาณไม่มากนัก แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์ในร่างกายมหาศาลครับนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษา phenolic acids 15 ชนิดและเฟลโวนอยด์ 6ชนิด ที่มีผลกับเซลล์ไขมันหนูที่เลี้ยงไว้ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเมื่อเซลล์ไขมันหนูได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจะมีระดับของเอนไซม์สร้างไตรกลีเซอไรด์น้อยลงและมีระดับของไตรกลีเซอไรด์น้อยลงด้วย ไตรกลีเซอไรด์ คืออนุภาคไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นในตับ มีขนาดเบาบางและเล็กมาก จึงไม่น่าแปลกที่ใครบางคนบอกว่า อยู่เฉยๆ ร่างกายก็ผลิตไตรกลีเซอไรด์ แต่ไขมันชนิดนี้ยังเพิ่มพูนในร่างกายของเราได้จากอาหารที่เรากินเข้าไปด้วย เช่น อาหารพวกน้ำมันพืช ไขมันสัตว์ หรือไขมันที่ซ่อนอยู่ในเนื้อ นม หรืออาหารอื่นๆ การสะสมของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดที่มากผิดปกติ จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด อัมพาต อัมพฤกษ์ เช่นเดียวกับการมีโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ทั้งนี้เพราะไตรกลีเซอไรด์ปริมาณสูงทำให้เลือดข้นเหนียวขึ้น เกิดการจับตัวกันเป็นลิ่มและอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ดังนั้นหากมีเซลล์ไขมันในร่างกายสูงจะทำให้มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูงขึ้นไปด้วยครับการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสารประกอบ phenolic acids และเฟลโวนอยด์ ในผัก ผลไม้มีประสิทธิภาพช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเมตาบอลิซึมหรือกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกายได้ เช่น กลุ่มอาการโรคอ้วนและโรคน้ำตาลในเลือดสูงที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจครับงานวิจัยนี้มีชื่อว่า " Effects of Flavonoids and Phenolic Acids on the Inhibition of Adipogenesis in 3T3-L1 Adipocytes " ตีพิมพ์ในวารสารฉบับวันที่ 17 ต.ค. ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry ครับ

แอโรบิคลดอ้วน


แอโรบิค

แอโรบิค แดนซ์(Aerobic Dance) หรือ แอโรบิคส์(Aerobics) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายยืดเหยียดประกอบจังหวะเพลงโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ปกติจะเล่นกันเป็นกลุ่มโดยมีผู้นำและสามารถเล่นเป็นคนเดี่ยวโดยไม่มีเพลงประกอบได้
ได้มีการนำการออกกำลังกายหลากหลายท่าทางเข้ามาประยุกต์ประกอบจังหวะเพลงอย่างเป็นชุดของท่าทางต่างๆทำให้เกิดความสนุกสนานและเป็นการได้เหงื่อไปในตัว อาจมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ได้จำแนกท่าทางจากเกณฑ์ความยากง่ายโดยผู้ให้คำปรึกษา เป็นระดับเบื้องต้น กลาง และระดับชำนาญแล้ว และเหตุด้วยที่แต่ละระดับมีความยากง่ายแตกต่างกัน การแบ่งเป็นออกระดับย่อยนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลในแต่ละระดับ สามารถให้คำปรึกษาและแก้ไขปรับปรุงท่าทางได้ แอโรบิคส์จัดให้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังการเพื่อการลดน้ำหนัก ปกติได้นำมาเล่นเพื่อเป็นการสร้างเสริมสุขภาพและไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในการฝึกฝนเหมือนในระดับยิม โดยปกติแล้วผู้หญิงเล่นบ่อยกว่าผู้ชาย แม้ว่าจะเป็นการเล่นประกอบเพลง แต่ก็มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนการเต้มประกอบเพลงทั่วไป

หนังสือดี ที่น่าอ่าน

หนังสือดี ที่น่าอ่าน
หนังสือ "อาหารลดความอ้วน กายบริหารลดน้ำหนัก" เล่มนี้เขียนโดยท่านอาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์ ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะคหกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพฯขอขอบพระคุณ > ท่านอาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์. ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะคหกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพฯ. อาหารลดความอ้วน กายบริหารลดน้ำหนัก. พิมพ์ครั้งที่ 13. สำนักพิมพ์แสงแดด (www.sangdad.com). 2548. ราคา 99 บาท.