วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การกินเพื่อสุขภาพ


การกินก็ทำให้สุขภาพดีได้ วันนี้มีเคล็ดลับการกินเพื่อสุขภาพมาฝาก...

- กินอาหารเช้าการกินอาหารเช้า จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น
- เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารลองเปลี่ยนไปใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันดอกทานตะวันปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ เพราะน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ทำให้ไม่มีไขมันในเส้นเลือด
- ดื่มน้ำให้มากขึ้นควรดื่มน้ำวันละประมาณ 8-10 แก้วเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
- เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูกควรกินปลาตัวเล็ก เต้าหู้ หรือผักใบเขียว เพราะอาหารประเภทนี้มีแคลเซียมสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก
- เลิกกินขนมขบเคี้ยวเพราะขนมเหล่านี้มีไขมันและน้ำตาลสูง ซึ่งจะไปทำลายสุขภาพ ถ้าอยากกินขนมขบเคี้ยว ลองหันมากินผลไม้แทนจะดีกว่าเพราะมีวิตามินและไฟเบอร์ซึ่งมีประโยชน์มากกว่า
- กินธัญพืชและข้าวกล้องเมล็ดทานตะวัน ข้างฟ่าง ลูกเดือย ข้าวกล้อง รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ สามารถลดคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
- เปลี่ยนชนิดของผักผลไม้พยามกินผักผลไม้ต่าง ๆ ให้หลากสีอย่ายึดติดอยู่กับการกินเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะพืชต่างสีกันสารอาหารก็จะต่างชนิดกัน
- หันมากินปลากันดีกว่าเพราะในเนื้อปลาจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีนที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และยังช่วยบำรุงเซลล์สมองที่สำคัญยังมีไขมันน้อย
- กินถั่วเป็นประจำในถั่วมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ๆ อยู่หลายชนิด ดังนั้นควรที่กินถั่วอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าอยากมีสุขภาพดี ลองมาเปลี่ยนวิธีการกินเสียใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดี.

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อย่ามองข้าม 'อาหารเช้า' มื้อสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี


เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังคุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเช้ากันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังติดนิสัยชอบงดอาหารมื้อแรกของวันอยู่เป็นประจำ วันนี้ลองหันมาทบทวนกันสักนิดดีกว่าว่างานศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าไว้ อย่างไรบ้าง เผื่อจะได้ กลับมาคิดใหม่ว่าต้องเปลี่ยนนิสัยกันเสียที จากข้อมูลของศูนย์การแพทย์รัทแลนด์ เรจินัล เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในเวอร์มอนต์ ที่สหรัฐฯ สรุปได้ว่าอาหารเช้านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถช่วยให้เราจัดการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย ได้ยินอย่างนี้แล้วพวกที่อยากควบคุมน้ำหนักต้องหูผึ่งแน่
ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า

• อาหารเช้ามีส่วนเชื่อมโยงทำให้มวลกายต่ำ (หรือน้ำหนักลด) ลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบ เทียบกับคนที่งดอาหารเช้า

• อาหารเช้าช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนลงพุงและภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง

• อาหารเช้ายังเป็นหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมการลดน้ำหนักได้ ในระยะยาว

• สำหรับเด็กวัยเรียน อาหารเช้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าทำ ให้ได้ เกรดดีและมีพฤติกรรมที่ดี
เห็นมั้ยล่ะว่าอาหารเช้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง แล้วยังจะทิ้งอาหารเช้ากันลงคออีกหรือ.

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ผิวเปลือกส้ม" หรือ "เซลลูไลท์" แก้ไขได้...



ปรากฏการณ์เซลลูไลท์คืออะไร?
ปรากฏการณ์เซลลูไลท์ หรือลักษณะของผิวหนังที่ขรุขระคล้ายผิวเปลือกส้ม เกิดจากสาเหตุสำคัญคือ เซลล์ไขมันที่สะสมตัวเป็นก้อนอยู่ บริเวณใต้ชั้นหนังแท้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดปกติ จนทำให้ผนังหุ้มเซลล์เกิดการบิดเบี้ยวเพราะถูกดึงรั้งอยู่ใต้ผิวหนัง และเกิดเป็นรอย
ตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวของเปลือกส้มที่อาจมองเห็นได้ชัดเจนจากผิวหนังชั้นนอก การสะสมตัวอย่างผิดปกติของเซลล์ไขมันนี้ยังทำให้เกิด ปัญหาในระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้โลหิตและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ช้า เป็นเหตุให้ระบบแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ระหว่างเซลล์เสียสมดุล ทำ ให้โครงสร้างเนื้อเยื่อของเซลล์ใต้ผิวหนังเสื่อมสภาพและเสียความยืดหยุ่นไปอย่างรวดเร็ว ระบบการกำจัดของเสียบกพร่อง และเกิดการ สะสมของเซลล์ไขมันและน้ำในเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้น

วิทยาการเพื่อช่วยลดเซลลูไลท์
แม้จะมีผู้พยายามคิดค้นวิธีขจัดเซลลูไลท์มาแล้วหลายรูปแบบในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการลดน้ำหนัก หรือแม้แต่รีดออก ด้วยเครื่องไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ว่าทำแล้วได้ผล... เมื่อ 20 ปีก่อน วงการเสริมสวยเริ่มรู้จักและให้คำจำกัดความเซลลูไลท์ว่าคือของเสียหรือสารพิษที่จับตัวอยู่ในเซลล์ไขมัน หากวงการแพทย์ กลับบอกว่าเซลลูไลท์คือไขมันของผู้หญิงที่กลายมาเป็นเหตุของโรค สิ่งที่แน่นอนเกี่ยวกับเซลลูไลท์คือ มันเชื่อมโยงกับฮอร์โมนเพศหญิง จะ ปรากฏหรือกำเริบขึ้นด้วยแรงขับของฮอร์โมนที่มากกว่าปกติ เช่น ฮอร์โทนในวัยรุ่น ขณะตั้งครรภ์ หรือเมื่อใช้ยาบางชนิด ผู้หญิงจะมีเซล ลูไลท์เพราะเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงกระตุ้นร่างกายให้เก็บไขมันสำรองบริเวณขาอ่อน สะโพก ในเวลาที่มีเด็กอยู่ในท้อง หรือกำลัง ให้นมบุตร เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือแม่ของเด็กขาดสารอาหาร
เซลลูไลท์ประกอบด้วยอะไรบ้าง
นักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ไขมันที่ได้จากผู้หญิง 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีเซลลูไลท์และกลุ่มที่ไม่มี พบว่าไม่มีความแตกต่างกันเลย แต่ถ้าเป็นเช่น นั้นจริง ทำไมเซลลูไลท์จึงไม่ดูเรียบเหมือนไขมันที่เรามีอยู่ใต้ผิว ในทรวงอก และใบหน้า? ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าบางทีอาจเป็นไปได้ว่าเพราะไขมันและเซลลูไลท์มีวิธีการเก็บที่ต่างกัน ปกติไขมันจะมีแถบเนื้อเยื่อหลาย ๆ แถบยึดจับไว้ ทำให้ถูกแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยปริยาย เมื่อไขมันเพิ่มขึ้น ๆ แถบเนื้อเยื่อจะตึงเพราะต้องพยายามรัดดึงไขมันจำนวนมากจนโป่งนูนขึ้น แต่ว่าใน แต่ละห้องไม่ได้มีเฉพาะไขมันบรรจุอยู่เท่านั้น ถ้าการหมุนเวียนโลหิตไม่ดี อาหารการกิน สภาพแวดล้อมเลวร้าย และมีความเครียด เหล่านี้ ทำให้ผนังเซลล์เต็มไปด้วยของเสียที่เป็นพิษสะสมอยู่ ของเหลวส่วนเกินไม่สามารถถ่ายเทออกมาได้ ลักษณะที่กล่าวมานี้เอง ส่งผลให้ไขมัน
จับตัวกันเป็นก้อนนูน ทำให้พื้นผิวไม่เรียบ
วิธีขจัดเซลลูไลท์
ไม่ว่าคุณจะโทษว่าเซลลูไลท์เกิดจากของเสียหรือเชื่อมั่นว่ามันเป็นเพียงไขมันธรรมดาก็ตาม ความเป็นจริงก็คือ ผู้หญิงกว่า 80% มีไขมัน
สะสมอยู่ที่สะโพกและขาอ่อน และเราเรียกมันว่า "เซลลูไลท์" ฉะนั้นมาดูวิธีกำจัดเซลลูไลท์กันดีกว่า
เครื่องมือละลายไขมัน
ร้านเสริมสวยหรือคลีนิคจะทำการรักษาด้วยเครื่องไฟฟ้า โดยวางเครื่องลงบนบริเวณที่มีเซลลูไลท์ แล้วเพิ่มแรงกดหรือเขย่าลงบนเซลลูไลท์ เพื่อสลายเซลล์ไขมัน
: - ร้านเสริมสวยหลายร้านบอกว่า เครื่องมือสามารถช่วยให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ผล และยังย้ำอีกด้วยว่าเซลลูไลท์จะกลับมาอีกแน่
นอนถ้าขาดการออกกำลังกายและรับประทานอาหารอย่างขาดหลักเกณฑ์
ฝังเข็ม
ผู้เชื่ยวชาญจะฝังเข็มที่ปราศจากเชื้อโรคลงบนบริเวณเซลลูไลท์ ประมาณ 3-5 มิลลิเมตรใต้ผิวหนัง เข็มเหล่านี้จะเชื่อมกับขั้วไฟฟ้าซึ่งจะส่ง
ถ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเซลล์ไขมันและแพร่กระจายของเหลว
: - หลังการรักษา ประมาณ 80% พบว่าขาเรียวขึ้น แต่การรักษาแบบนี้ต้องแน่ใจในเรื่องความสะอาดของเข็ม และจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้หญิง ที่มีเซลลูไลท์จำนวนไม่มากนัก และถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารให้ถูกวิธีและได้สัดส่วนที่เหมาะสม ไขมันก็จะกลับมาอีก
พันต้นขา
พันต้นขาหรือก้น ด้วยพลาสติกให้แน่น เพิ่มความร้อนเข้าสู่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้เหงื่อออก และลดปริมาณเซลลูไลท์ได้หลายเซนติเมตร
: - วิธีนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย เซลลูไลท์ไม่สามารถไหลออกมาเป็นเหงื่อได้ หลายเซนติเมตรที่สูญเสียไปไม่ใช่เซลลูไลท์ แต่เป็นของเหลว (น้ำ)
การรักษาแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลและไม่ได้ประโยชน์อะไร เมื่อดื่มน้ำตามปกติต้นขาของคุณก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม ที่สำคัญเราไม่ควรงดดื่มน้ำ เด็ดขาดเพราะจะมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณตามมามากมาย
การขัดผิว
ขัดผิวด้วยแปรงหรือใยขัดผิวระหว่างอาบน้ำ จะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตและช่วยปรับปรุงบริเวณที่เป็นเซลลูไลท์ให้ดูดียิ่งขึ้น ผู้ เชี่ยวชาญด้านความงามบอกว่าการขัดผิวในลักษณะเคลื่อนที่เป็นวงกลมช่วยได้ (ขัดติดต่อกัน 5 นาที สัปดาห์ละครั้ง จะดีกว่าการขัดในเวลา สั้น ๆ หลาย ๆ ครั้ง) นอกจากนี้ควรใช้เจลอาบน้ำหรือสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำมันด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
: - ศัลยแพทย์ด้านความงามกล่าวว่า การหมุนเวียนโลหิตไม่ดีจะทำให้เลือดสะสมอยู่ที่ต้นขาและสะโพก และส่งผลให้ไขมันในบริเวณดัง กล่าวโป่งออกมาได้ วิธีแก้คือควรจะทำตัวให้กระฉับกระเฉง หลีกเลี่ยงการกระทำที่จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตช้าลง เช่น การสวมเสื้อ ผ้าที่คับมาก และใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ๆ
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเบา ๆ เป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ จะช่วยปรับปรุงบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเซลลูไลท์ได้ การออกกำลังดังกล่าว ได้แก่ การ
เดินออกกำลัง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ครั้งละ 1 ชั่วโมง 3 ครั้ง ต่อ 1 สัปดาห์
: - วิธีนี้ใช้เวลาอยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าจะใช้วิธีนี้ต้องใจเย็น ๆ

เซลลูไลท์ครีมและโลชั่น
ใช้ครีมหรือโลชั่นทาผิว คล้าย ๆ กับการบำรุงผิวทั่ว ๆ ไป แต่ให้ผลในเรื่องการสลายเซลลูไลท์ โดยไม่ต้องตบหรือตีลงบนผิว
: - ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้รับการทดสอบแล้วว่า สามารถทำให้เซลลูไลท์ดูเบาบางลงได้ และช่วยปรับปรุงสภาพผิวด้วย วิธีนี้ง่าย สามารถทำ เองได้ที่บ้าน และประหยัดกว่าไปทำที่ร้าน
สถานเสริมความงามบางแห่ง คลีนิคและหนังสือหลายเล่ม แนะนำให้ต่อสู้กับเซลลูไลท์ด้วยการอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักและการสะสมของ เสียในเซลล์ แต่ถ้าใครแนะนำให้คุณลดน้ำหนักแบบกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตแต่น้อยก็อย่าใส่ใจ เพราะการลดน้ำหนักแบบนี้จะลดได้ เร็วก็จริง แต่ที่คุณสูญเสียไปส่วนใหญ่คือของเหลว และในไม่ช้าน้ำหนักตัวของคุณก็จะกลับมาอีก นอกจากนี้การลดน้ำหนักแบบนี้ในระยะ ยาวจะทำให้การเผาผลาญช้าลงและลดน้ำหนักตัวได้ยาก อาหารที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักและเซลลูไลท์ได้อย่างถาวรก็คือ อาหารที่ให้ธาตุ
อาหารครบทั้ง 5 หมู่อย่างสมดุลนั่นเอง...

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"หลับลึก" ฟื้นฟูจิตใจ ร่างกายและผิวพรรณ


ทราบหรือไม่ว่าคนเรามักจะใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการนอนที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ จากรายงานเรื่องการนอนหลับของ Pfizer พบว่า กว่าร้อยละ 50 ของชาวอเมริกันวัยทำงาน เผชิญกับปัญหาเรื่องการนอนหลับ

แบรนด์เครื่องสำอางชั้นสูง "ออริจินส์" สร้างประสบการณ์การนอนหลับอย่างสมบูรณ์แบบ ดึง 2 ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา Dr. Andrew Weil และ Dr. Rubin Naiman คิดค้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจคนหลับยาก จัดเวิร์กช็อปเพื่อสุขภาพกายและผิวดีๆ พร้อมให้คำแนะนำถึงการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ทีมผู้เชี่ยวชาญ ออริจินส์ ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ว่า วงจรการนอนหลับแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วงหลัก คือ Non Rapid Eye Movement หรือ Non REM และ Rapid Eye Movement หรือ REM Sleep โดยทั้ง 2 ช่วงนี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปเรื่อยๆ เป็น cycle จึงเป็นที่มาของ Sleep Cycle ซึ่งแต่ละ sleep cycle จะยาวประมาณ 90 นาที ซึ่ง Sleep Cycle เริ่มต้นจากช่วง Non REM Sleep ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 50-55 นาที

ช่วงงัวเงีย เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย มีอาการเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นเป็นช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบลึก ช่วงนี้ดวงตาจะเริ่มกลอกไปมา ถ้ามีเสียงรบกวนแม้แต่นิดเดียวก็จะสะดุ้งตื่นทันที การดำเนินชีวิตประจำวันของคนสมัยนี้ มักจะนอนหลับอยู่ในขั้นนี้ซึ่งถือเป็นการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขั้นสุดท้าย ช่วงหลับลึก เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มหลับสนิท การเคลื่อนไหวจะน้อยลงแล้วจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ REM Sleep ซึ่งจะเป็นช่วงที่ร่างกายทำการฟื้นฟู ซ่อมแซมอวัยวะต่างๆ และปรับสมดุลผิวให้สวยสมบูรณ์แบบ เพราะประโยชน์สูงสุดที่เกิดกับผิวพรรณคือ ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กล้ามเนื้อ และผิวสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้รับการบำรุง ดูแลตามกระบวนการธรรมชาติ เนื่องจากในช่วง REM Sleep เป็นช่วงเวลาที่มีการบำรุงสมอง โดยสมองจะทำงานเก็บกักความทรงจำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งคืนความสดชื่นแจ่มใสให้แก่ร่างกาย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเพื่อรับมือกับวันใหม่

ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลอีกว่า "การอดนอน ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ยังส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพ แก่กว่าวัยอันควร เพราะเมื่อร่างกายเข้าสู่ช่วงที่คุณหลับลึก ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อฟื้นฟูและคงความสมดุลให้ร่างกาย หากร่างกายพักผ่อนน้อย โกรทฮอร์โมนก็จะหลั่งน้อย ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพและไม่แข็งแรง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะมีปัญหาการนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติของร่างกายและจิตใจ เช่น อาการหวาดระแวง เกรี้ยวกราด โรคซึมเศร้า เป็นต้น"

โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอนหลับสบายในอุณหภูมิที่กำลังดีไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีง่ายๆ 2 วิธีว่า การแช่น้ำอุ่นที่ผสม Bedtime Bath Oil น้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆ ประมาณ 30-45 นาที ก่อนเข้านอนทุกครั้ง จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความผ่อนคลาย เพราะอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับให้คุณหลับสนิทได้ยาวนาน และหลับลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เพิ่มอานุภาพการนอนหลับสำหรับคนหลับยาก

ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ แนะนำให้ใช้ Bedtime Balm บาล์มเนื้อเข้มข้น โดยการแตะเนื้อบาล์มด้วยปลายนิ้ว แล้วคลึงวนด้วยปลายนิ้วทั้งสองข้าง สูดดมความหอมที่ให้คุณเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์แห่งความง่วงเหงาหาวนอนของกลิ่น จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้า-ออกให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าความเครียดต่างๆ นวดคลึงปลายนิ้วลงบริเวณฐานจุดเชื่อมต่อระหว่างต้นคอ และศีรษะ จุด Wind Mansion Point โดยหมุนวนเข้า 3 ครั้ง ต่อด้วยหมุนวนออก 3 ครั้ง จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือไล่ลงมาจากบริเวณ Wind Mansion Point ตามแนวต้นคอ และเคลื่อนมือออกมาบริเวณไหล่ทั้ง 2 ข้าง นวดคลึงปลายนิ้วหมุนวนเข้า 3 ครั้ง และหมุนวนออกอีก 3 ครั้ง ที่บริเวณจุด Heavenly Rejuvenation Point ซึ่งอยู่ต่ำกว่าช่วงบนสุดของหัวไหล่เพียงเล็กน้อย แล้วเคลื่อนมือมาที่บริเวณข้อมือด้านในบริเวณ Spirit Gate โดยใช้นิ้วก้อยค่อยๆ นวดคลึงหมุนวนเข้า 3 รอบ และออกอีก 3 รอบ ขั้นตอนสุดท้ายหมุนวนเนื้อบาล์มบริเวณตรงกลางฝ่าเท้าในลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ จนกระทั่งเนื้อบาล์มซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังโดยสมบูรณ์

เริ่มต้นการนอนแบบใหม่เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และผิวพรรณที่ดีของคุณได้แล้วตั้งแต่วันนี้

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีอร่อยได้แบบไม่อ้วน


"อ้วน" กำลังจะกลายเป็นคำหยาบที่ไม่มีใครอยากได้ยิน ใครๆ ต่างพากันหาวิธีรักษาสุขภาพให้ไม่อ้วน หรือตกอยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน กันยกใหญ่
สูตรลดความอ้วนหลายหลากถูกนำเสนอกันขึ้นมา ล่าสุด จากการวิเคราะห์ผลการสำรวจภาวะโภชนาการแห่งชาติ โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าร้อยละ 63.4 ของพลังงานที่คนไทยบริโภคในแต่ละวันนั้น มาจากข้าวและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช บวกกับพลังงานร้อยละ 2.1 ได้มาจากน้ำตาลทราย แล้วยังมีพลังงานส่วนน้อยที่มาจากคาร์โบไฮเดรตในเครื่องดื่ม (1.4%) และผลไม้ (1.1 %)
แสดงว่า พลังงานคาร์โบไฮเดรตที่คนไทยบริโภคแต่ละวัน คิดเป็นร้อยละ 60 กว่านั้น ทำให้คนวัยทำงานเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ดังนั้นจึงควรจะลดสารอาหารคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวันลง
รศ.ดร.ปรียา ลีฬหกุล อาจารย์ นักโภชนาการจากสำนักงานวิจัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่าคนไทยสามารถหลีกหนีโรคอ้วนโดยยังอร่อยได้อร่อยดีอยู่ ไม่ขัดกับชีวิตประจำวันและยังมีความสุขกับการกินได้ โดยให้คำนึงถึงหลักว่า
"น้ำหนักคนเราอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ เมื่อพลังงานที่ได้รับจากอาหารสมดุลกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน" รศ.ปรียา กล่าว พร้อมทั้งอธิบายว่า การที่พลังงานสมดุลไม่เหลือสะสมในรูปไขมัน ก็ไม่ต้องกังวลกับตัวเลขว่าต้องกินวันละกี่กิโลแคลอรี ขอเพียงชั่งน้ำหนักทุกวัน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงว่าได้พลังงานพอไม่มากหรือน้อยไปดังนั้น การกินน้ำตาลบ้าง ร่วมกับอาหารไขมันต่ำ จะทำให้อาหารนั้นยังอร่อยอยู่ และง่ายต่อการปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ จากงานวิจัยที่ได้ศึกษาพบว่าการกินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล จะให้ความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ดี ในขณะที่การกินอาหารพลังงานสูงๆ โดยเฉพาะจากไขมัน รวมทั้งการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมาก จะเป็นสองปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วนจัดว่าเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งในการลดน้ำหนัก แบบไม่ทำร้ายจิตใจ

ที่มา http://variety.teenee.com/foodforbrain/12368.html

งานวิจัยล่าสุด ผู้หญิงไทย เอวหาย

ใครที่เอวขยาย สะโพกผายกว่าเดิม คงไม่ต้องตกใจกันแล้ว เพราะคุณไม่ได้เป็นแค่คนเดียว จากการเก็บข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้ร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชน สร้าง "Size Thai" ขนาดไซส์ต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานของรูปร่างคนไทยโดยเฉพาะ พบว่า
รอบอก รอบเอว รอบสะโพก ของผู้ชายและผู้หญิงไทย ขยายใหญ่ขึ้น โดยเฉลี่ย

ผู้หญิงไทย* สูงขึ้น 5 เซนติเมตร* น้ำหนักเพิ่มขึ้น 5.4 กิโลกรัม รอบอกเพิ่มขึ้น 2.2 นิ้ว* รอบเอวเพิ่มขึ้น 3.7 นิ้ว และรอบสะโพกเพิ่มขึ้น 2 นิ้ว
ผู้ชายไทย* สูงขึ้น 7.2 เซนจิเมตร* น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 11.4 กิโลกรัม รอบอกเพิ่มขึ้น 5.4 นิ้ว* รอบอกเพิ่มขึ้น 4 นิ้ว และรอบสะโพกเพิ่มขึ้น 3.4 นิ้ว อ้วนลงพุงแบบนี้ต้องระวัง!!

ยิ่งอ้วนยิ่งพุงขยาย ถ้าเมื่อไหร่เริ่มมีแนวโน้มจะเป็นเอวแบบสามคนโอบ สัญญาณที่บอกได้ว่า คุณต้องเริ่มระวังตัวแล้ว คือ สัดส่วนของรอบเอวต่อสะโพก (Waist to Hip Rate Ratio : WHR) ที่สามารถหาได้ ค่านี้ได้จากวัดรอบเอวและรอบสะโพกแล้วนำมาคิดสูตรดังนี้


** ผู้หญิงเราควรมีค่า WHR ไม่เกิน 0.8 ** ขณะที่ฝ่ายชาย ไม่ควรเกิน 0.95 เพราะถ้ามีค่านี้มากเกินกว่าค่าเฉลี่ยนั้น แสดงว่าคุณได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือดมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นควรสังเกตรอบพุงตัวเองให้ดีดี
ขอบคุณข้อมูลจาก CLEO

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย




ทราบหรือไม่ว่า การออกกำลังนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายอีก วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...
- ผิวจะดูดีขึ้น การออกกำลังมีผลในแง่บวกหลายอย่างต่อผิว ช่วยเติมสีสันให้พวงแก้ม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นจากการไหลเวียนของโลหิตที่ดีขึ้น และยังทำให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันความหย่อนยานหรือริ้วรอยได้ด้วย
- ขนาดร่างกายจะสมส่วน การออกกำลังเป็นประจำจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกิน และลดน้ำหนักได้ จะค่อย ๆ มีขนาดร่างกายที่เหมาะสมกับส่วนสูง และโครงสร้างร่างกาย จะทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และก็จะดูดีขึ้นตามไปด้วย
- เส้นผมจะแข็งแรงกว่าเดิม การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้มีการสูบฉีดโลหิตไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะด้วย รากผมจะได้รับอาหารจากเลือดที่เต็มไปด้วยออกซิเจน และช่วยกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำลายเส้นผม - ดวงตาจะแจ่มใสขึ้น เป็นผลของการไหลเวียนโลหิตที่ดี จะทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และแจ่มใส นอกจากนี้ การใช้สายตาจับจ้องไปข้างหน้าตลอดเวลาของการออกกำลัง ทำให้ได้มีการออกกำลังกล้ามเนื้อดวงตา ที่ทำให้แข็งแรงขึ้น
-กล้ามเนื้อจะดูดีขึ้น การออกกำลังแต่ละอย่างจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ทำให้ดูเพรียวขึ้น เสื้อผ้าจะเข้ากับรูปร่างได้อย่างสวยงาม และก็จะดูฟิตมากขึ้น

หนังสือดี ที่น่าอ่าน

หนังสือดี ที่น่าอ่าน
หนังสือ "อาหารลดความอ้วน กายบริหารลดน้ำหนัก" เล่มนี้เขียนโดยท่านอาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์ ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะคหกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพฯขอขอบพระคุณ > ท่านอาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์. ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะคหกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพฯ. อาหารลดความอ้วน กายบริหารลดน้ำหนัก. พิมพ์ครั้งที่ 13. สำนักพิมพ์แสงแดด (www.sangdad.com). 2548. ราคา 99 บาท.